สายรัดเหล็กพืดและสายรัดพลาสติก PET เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับงาน?
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางงานถึงใช้สายรัดเหล็กพืด แต่บางงานกลับเลือกใช้สายรัดพลาสติก PET? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยและช่วยคุณเลือกสายรัดให้เหมาะกับการใช้งานกัน
เจาะลึกความแตกต่างของสายรัดทั้งสองประเภท
สายรัดเหล็กพืด:
- ค่า Tensile Strength สูงสุด เหมาะกับงานหนัก
- ยืดหยุ่นน้อย คงรูปได้ดีเยี่ยม
- ทนความร้อนและแรงกระแทกได้สูง
สายรัดพลาสติก PET:
- ค่า Tensile Strength 200-800 กิโลกรัม
- ยืดหยุ่นพอดี คืนตัวได้ดี
- น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก
ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้
สายรัดเหล็กพืด
ข้อดี
- แข็งแรงที่สุดในตลาด
- เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนัก
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดขั้ว
ข้อเสีย:
- อาจเป็นอันตรายจากความคม
- ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการติดตั้ง
- ราคาสูงกว่า
สายรัดพลาสติก PET
ข้อดี:
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
- ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก
- ราคาประหยัดกว่า
ข้อเสีย:
- แข็งแรงน้อยกว่าเหล็กพืด
- อาจไม่เหมาะกับงานหนักมาก
การเลือกใช้ให้เหมาะกับงาน
สายรัดเหล็กพืด เหมาะกับ:
- รัดมัดเหล็กและโลหะ
- สินค้าน้ำหนักมาก
- งานที่เน้นความปลอดภัย
สายรัดพลาสติก PET เหมาะกับ:
- บรรจุภัณฑ์ทั่วไป
- สินค้าอิฐมวลเบา อิฐแดง กระเบื้อง
- งานที่ต้องการความปลอดภัยสูง
เลือกซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า?
1. พิจารณาลักษณะงาน
2. คำนวณน้ำหนักสินค้าที่ต้องรัด
3. ประเมินสภาพแวดล้อมการใช้งาน
4. เปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่า
สามารถติดต่อขอคำแนะนำการบรรจุสินค้าได้ฟรี
สินค้าที่เกี่ยวข้อง